วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การท่องเที่ยวประเทศอิตาลี (Italy) หรือ สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic)

การท่องเที่ยวประเทศอิตาลี (Italy) หรือ สาธารณรัฐอิตาลี (Italian Republic) อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บริเวณยุโรปใต้ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีที่มีรูปทรงคล้ายรองเท้าบูต และมีเกาะ 2 เกาะใหญ่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ เกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย โดยมี กรุงโรม (Rome) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี ...


 

เมืองเวนิส

เมืองเวนิส (Venice) หรือ เมืองเวเนเซีย (Venezia) หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่รู้จักกันในด้านของความเจริญรุ่งเรืองทางประวัติศาสตร์และศิลปะ ที่ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก (Queen of the Adriatic), เมืองแห่งสายน้ำ (City of Water), เมืองแห่งสะพาน (City of Bridges), และ เมืองแห่งแสงสว่าง (The City of Light)... โดยเมืองเวนิส นั้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต (Veneto) 1 ใน 20 แคว้นที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี และยังเป็นแคว้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศ เป็นแคว้นที่มีความมั่งคั่งและเป็นแหล่งอุตสาหกรรมมากที่สุดในประเทศอิตาลี และยังเป็นแคว้นหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย

เมืองเวนิส ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมหมู่เกาะขนาดเล็กประมาณ 118 เกาะเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย (Venetian Lagoon) ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำพลาวิ (Po and the Piave Rivers) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก (Adriatic Coast) ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี โดยทั้งเมืองและทะเลสาบได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1987

 

เกาะซานจอร์โจ แมกจอเร

เนื่องจากว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเวนิสนั้นถูกโอบล้อมไปด้วยผืนน้ำอันกว้างใหญ่ การคมนาคมภายในเมืองเวนิสจังนิยมใช้คลองในการคมนาคมมากที่สุด โดยมีเรือบริการในการเดินทางไปในที่ต่างๆของเมืองมีการบริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ธรรมชาติของ 2 ฝั่งคลองโดยทางเรือ นับเป็นเมืองที่คลองมากกว่าถนนอีกเมืองหนึ่งของโลก โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ชื่นชมความงดงามของเหล่าอาคาร ร้านค้า รวมไปถึงบ้านเมืองที่ตั้งอยู่ตลอดสองฝั่งคลองที่ไหลคดเคี้ยวไปทั่งเมืองอีกด้วย

สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองเวนิสนั้น สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆที่อยากแนะนำให้คุณไปเยือน คือ เกาะซานจอร์โจ แมกจอเร (San Giorgio Maggiore) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เปียซซ่า ซาน มาร์โก (Piazza San Marco) หรือ จัตุรัสเซนต์มาร์ค (St Mark's Square) จัตุรัสสาธารณะหลักที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองเวนิส


 

 

เปียซซ่า ซาน มาร์โก

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของเกาะซานจอร์โจ แมกจอเรคือ โบสถ์ซานจอร์โจ แมกจอเร (Church of San Giorgio Maggiore) คริสตจักรนิกายเบเนดิกในศตวรรษที่ 16 ซึ่งมีชื่อเดียวกับกันเกาะ โดยโบสถ์สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวในสไตล์คลาสสิกและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือในช่วงระหว่างปี 1566 - 1610 ได้รับการออกแบบโดย Andrea Palladio

หลังจากนั้นขอแนะนำให้คุณไปเยือน มหาวิหารเซนต์มาร์ค (St Mark's Basilica ) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนเปียซซ่า ซาน มาร์โก เป็นมหาวิหารงนิกายโรมันคาทอลิกอัครสังฆมณฑลแห่งเวนิส (Roman Catholic Archdiocese of Venice) เป็นมหาวิหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองเวนิส และยังเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของมหาวิหารที่สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบเซนไทน์


 

ปาลาซโซ ดูคาเล่

มหาวิหารเซนต์มาร์ค ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของเปียซซ่า ซาน มาร์โก ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นักบุญมาร์ค ผู้ซึ่งเป็นที่นับถือในเวนิส ในฐานะนักบุญผู้เผยแผ่ศาสนาที่อิยิปต์ และถูกประหารชีวิต จุดเด่นของโบสถ์ที่ซานมาร์โคอยู่ที่การมีโดมถึง 5 โดม ได้รับการตกแต่งด้วยศิลปะที่แตกต่างกัน ทางด้านหน้าได้รับการประดับด้วยรูปปั้นของนักบุญมาร์ค และรูปปั้นม้าบรอนซ์ 4 ตัว ซึ่งว่ากันว่าขโมยมาจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล

และไม่ไกลจากกันนักจะเป็นที่ตั้งของ หอระฆังเซนต์มาร์ค (St Mark's Campanile) หนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดของเมืองเวนิส โดยหอระฆังตั้งอยู่ใกล้ด้านหน้าของมหาวิหารเซนต์มาร์ค โดยหอระฆังมีความสูงประมาณ 98.6 เมตร (323 ฟุต) ปัจจุบันหอระฆังแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดชมวิวที่สำคัญและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากแห่งหนึ่งของเมืองเวนิส


 

แกรนด์คาแนล (เวนิส)

ต่อมาขอแนะนำให้คุณไปเยือน ปาลาซโซ ดูคาเล่ (Palazzo Ducale) หรือ พระราชวังดอดจ์ (Doge's Palace) พระราชวังที่สร้างขึ้นในแบบเวนีเชี่ยนโกธิค (Venetian Gothic style) โดยพระราชวังถูกใช้เป็นสถานที่พำนักของผู้ปกครองเวนิส และต่อมาถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1923 โดยพิพิธภัณฑ์ดำเนินการโดย Fondazione Musei Civici di Venezia

สุดท้ายขอแนะนำให้คุณมุ่งหน้าไปยัง แกรนด์คาแนล (เวนิส) (Grand Canal (Venice)) คลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวและเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวที่อยากล่องเรือกอนโดล่า หรือที่เราเรียกกันว่าเรือแจว ลัดเลาะไปตามคลองที่มีความยาวประมาณ 3,800 เมตร และมีความกว้างประมาณ 30-90 เมตร นักท่องเที่ยวจะได้ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆต่างๆของเวนิสมากมาย

 

 
 

สะพานซิงห์

โดยจุดแรกที่จะได้ชมคือ โบสถ์ซานตา มาเรีย เดลลา ซาลูท (Santa Maria della Salute) โบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ที่ปากทางเข้าแกรนด์คาแนล เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่จัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของเวนิส โบสถ์แบบบาโร้กขนาดใหญ่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อขอบคุณพระเจ้าในโอกาสที่โรคระบาดได้หายไปจากเวนิสในปี ค.ศ. 1630 จนกระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1687 ห้าปีหลังจากผู้ริเริ่มสร้างโบสถ์ได้เสียชีวิต

สะพานซิงห์ (Bridge of Sighs) สะพานเก่าแก่ที่เชื่อมต่อระหว่างวังดูคาเลกับคุกเก่า เป็นเส้นทางลำเลียงนักโทษเข้าสู่ตัวคุก ออกแบบโดย Antoni Contino ในปี ค.ศ.1602 สร้างมาจากหินปูนสีขาว มีช่องหน้าต่างให้มองออกมาได้ เพื่อให้นักโทษได้ชมความสวยงามของท้องฟ้า และทะเลแห่งเวนิสเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต โดยชื่อ Lord Byron ได้ตั้งชื่อว่าสะพานซิงห์ ในศตวรรษที่ 19 เนื่องมาจากนักโทษจะได้ถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายที่ สะพานแห่งนี้นั่นเอง

 


สะพานริอัลโต

หลังจากนั้นมุ่งหน้าไปยัง สะพานริอัลโต (Rialto) เดิมทีเป็นสะพานไม้ และสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 หลังจากที่พังทลายลง สะพานหินก็ถูกสร้างขึ้นทดแทน และเป็นสะพานข้าม Grand Canal เพียงแห่งเดียวจนถึงปี ค.ศ. 1854 จนกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคม และค้าขายแลกเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของเวนิส ใครที่มาเวนิสแล้วไม่ได้มาข้ามสะพานนี้ถือว่ามาไม่ถึง เป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญแห่งหนึ่ง รอบๆ สะพานเป็นย่านขายของที่ระลึกและตลาดขายของสด

นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆอีกมาหมาย อาทิเช่น โบสถ์ซานตา มาเรีย กลอริโอซา เดอิ ฟรารี (Santa Maria Gloriosa dei Frari) , พิพิธภัณฑ์ แก้วมูราโน่ (Murano Glass Museum) , แกลเลอรี่เดลแอคคาเดเมีย (Gallerie dell'Accademia) และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่คุณไม่ควรพาดไปเยือนอีกเป็นจำนวนมาก.....

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น